กุมารทอง เนื้อผงพราย อาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ ปี 2520 พร้อมรูปถ่ายเก่า ใบฝอยเดิมๆ
ช่วงประมาณปี ๑๗ ไม่มีใครไม่รู้จัก
สามเณรเสก หรือชื่อจริงว่า สามเณรวิเศษณ์ สิงห์คำ วัดสันป่าสัก อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ตอนนั้นท่านอายุสิบกว่าขวบ ยังเป็นเณร เล็กๆ อยู่เลย แต่ท่านโด่งดังมากโดยเฉพาะ ตระกรุด กุมารทองดิน ๗ ป่าช้า และวัวธนู ว่ากันว่ามีผีมาสอนวิชา ให้ท่าน ตอนท่านเป็นเณรที่ศาลาเก่าไม่มีใครกล้าเข้าไป แต่ท่านไปนอนคนเดียวและท่านเป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยพูดค่อยจา กับใคร นอกเหนือจากนี้ท่านยังเป็นลูกศิษย์ของพ่อหนานมา ที่ขนาดที่ผีเขา ถ้าเอ่ยเพียงชื่อพ่อหนานมา ผีจะออกเลย สมัยนั้นพ่อผมเล่าว่า คนต่างหลั่งไหล ไปบูชาตระกรุดเณรเสก โดยเฉพาะหนุ่มๆและนักเลงหัวไม้ได้มาต่างเอามาลองกัน แต่ไม่มีใครได้เลือดเลย เสียดายที่ผมยังหาตระกรุดของท่านไม่ได้ เนื่องจากตระกรุดทางเหนือจะทำด้วยทองแดงและร้อยด้ายแดง ทำให้แยกได้ยากต้องได้ที่มาชัวร์จริงๆเท่านั้น ที่ได้มาให้ชมกันนี้เป็นกุมารทองของท่านที่ว่ากันว่าเฮี้ยนนัก เพราะวัสดุที่ทำไม้ ว่าจะเป็นดินผงกระดูกผี ๗ป่าช้าและมวลสารทางมากนิยมอื่นๆท่านใส่ไว้เต็มที่ ใครมีต่างหวงครับและวิญญาณกุมารก็ยังอยู่ครับ ปัจจุบันท่านอายุได้ร่วมห้าสิบปีแล้ว เป็นฆราวาสครับแต่ไม่ได้สร้างอีกแล้วครับ กุมารทองของท่านปัจจุบันคนรู้จักน้อย และท่านสร้างไว้น้อยด้วยครับถ้เจอก็เก็บไว้เถอะครับ นี่แหละครับอีกหนึ่งของดีที่สร้างถุกต้องตามตำราการสร้างกุมารทอง ปลุกเสกจาก เกจิ อายุเพียงสิบกว่าขวบ แต่ขลังนัก และเฮี้ยนจริงๆ .....ปัจจุบันท่านอายุประมาณ หกสิบครับเรื่องของ ท่านอาจารย์เณร เริ่มขึ้นมาจากท่านเป็นสามเณรอยู่ที่วัดสันป่าสัก สันป่าตองโดยลักษณะของท่านไม่เหมือนสามเณรอื่น คือ ท่านชอบปลีกวิเวกและ ชอบศึกษาเรื่องคาถาอคมไสยเวท โดยไปฝกาตัวกับอาจารย์หลายท่าน ทั้งพระ และ ฆราวาส ซึ่งตอนนั้นท่านอายุได้เพียงสิบกว่าขวบเท่านั้นและ ศาลาที่วัดปกติไม่มีใครกล้าเข้าไปนอนเพราะผีที่นั่นดุมาก แต่ท่านเข้าไปนอนคนเดียว และ มีเรื่องร่ำรือว่า ผีที่อยู่ที่นั่นได้สอนวิชาให้ท่านอีกด้วย
อีกทั้ง ท่านเป็นผู้สร้าง และ ปลุกเสกวัวธนูจนวิ่งทั่วป่าช้า
เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตา มานักต่อนักแล้ว กุมารทองของท่านก็โด่งดังไม่แพ้กัน ประสบการณ์มากมาย จนเป็นที่กล่าวขวัญ ของคนในพื้นที่ และ ต่างจังหวัด
เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทองอาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทอง อาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
อาจารย์ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทองอาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทอง อาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
อาจารย์ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทองอาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทอง อาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
อาจารย์ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทองอาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทอง อาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
อาจารย์ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทองอาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทอง อาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
อาจารย์ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทองอาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทอง อาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
อาจารย์ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทองอาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทอง อาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
อาจารย์ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทองอาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทอง อาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
อาจารย์ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทองอาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทอง อาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
อาจารย์ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทองอาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
กุมารทอง อาจารย์เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
อาจารย์ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ เณรวิเศษณ์ สิงห์คำ
|